วิธีลดเลือนและการรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม
1.ครีมทาฝ้า
วิธีรักษาฝ้าด้วยยาทารักษาฝ้าที่มีส่วนผสมของไฮโดรควินิน (Hydroquinone) มีสรรพคุณลดเม็ดสีที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สีผิวจางเมื่อทายาอย่างสม่ำเสมอ แต่ในขณะเดียวกันตัวยาที่อยู่ในครีมทารักษาฝ้านี้ จะมีผลในการทำลายที่อยู่ของการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งทำให้เกิดความไม่สมดุลของเม็ดสีเมลานินบนผิว และเป็นผลให้ทำให้เกิดโรคผิวด่างขาวอย่างถาวร
2. การลอกฝ้าโดยใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ (Retinoids)
วิธีการรักษาฝ้าแบบนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับการใช้กรดผลไม้อย่าง AHA (Alpha Hydroxy Acid) และ BHA (Beta Hydroxy Acid) ที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ผิวชั้นนอกได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ฝ้าจางลงเพียงแค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น ไม่ได้ไปจัดการที่ต้นตอผิวชั้นใน แถมยังทำให้ผิวแห้งและอาจเกิดการระคายเคืองได้
3.การทำเมโสหน้าใส
การทำทรีตเมนต์ที่ใช้เข็มขนาดเล็กในการเจาะผ่านเข้าไปในผิวหนังชั้นกลาง เพื่อนำสารจำพวกวิตามิน แอนติออกซิแดนท์ และสารบำรุงผิวตัวอื่นๆ ไปยังชั้นผิวด้านใน เพื่อเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึงสวยใสขึ้นภายใน 1 เดือน การทำเมโสหน้าใสมีข้อเสียอยู่บ้างก็ตรงที่ต้องเจ็บตัว และอาจเกิดแผลเป็นขึ้นในใบหน้า หรืออาจเกิดการอักเสบได้ในรายที่ผิวบอบบางเป็นพิเศษ
4.การรักษาด้วยเลเซอร์
วิธีการรักษาฝ้าให้หายขาดด้วยเลเซอร์อาจเป็นวิธีการที่หลายคนคิดว่าได้ผล เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าสามารถทำให้ฝ้าสามารถหายวับไปกับตา ก็ไม่ใช่วิธีรักษาที่ถูกต้อง เพราะยิ่งรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์บ่อยเท่าไร จากฝ้าที่เคยมีสีน้ำตาลดำก็จะยิ่งกลายเป็นสีน้ำตาลดำปนกับรอยด่างเป็นวงสีขาว (บริเวณที่คิดว่าเสกฝ้าให้หายไปได้แล้วนั่นแหละ) ทำให้สีผิวดูไม่สม่ำเสมอยิ่งกว่าเดิม ลักษณะแบบนี้เขาเรียกว่า ลิวโคเดอร์มา ที่ก็รักษาไม่หายเช่นกัน